เมื่อคุณขอให้ Windows ลบไฟล์ มักจะเป็นไปด้วยความหวังว่าไฟล์นั้นจะหายไปตลอดกาล แต่ความจริงคือบริการกู้คืนข้อมูลที่ดีสามารถกู้คืนไฟล์เหล่านั้นได้ การรู้วิธีลบไฟล์สำคัญอย่างถาวรจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณจากการถูกดึงกลับมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทำไมการลบไฟล์แบบปกติจึงไม่เพียงพอ?
เมื่อคุณลบไฟล์ใน Windows ระบบจะทำเครื่องหมายพื้นที่ที่ไฟล์นั้นเคยครอบครองว่าเป็นพื้นที่ว่าง แต่ข้อมูลจริง ๆ ของไฟล์นั้นยังคงอยู่ในฮาร์ดดิสก์จนกว่าจะมีข้อมูลใหม่มาเขียนทับ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสที่โปรแกรมกู้คืนข้อมูลจะสามารถดึงไฟล์เหล่านั้นกลับมาได้
6 วิธีลบไฟล์ถาวรจากคอมพิวเตอร์
1.เข้ารหัสไฟล์เพื่อป้องกันการกู้คืน
วิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการกู้คืนไฟล์สำคัญคือการเข้ารหัสฮาร์ดไดรฟ์หรือไฟล์และโฟลเดอร์ที่คุณต้องการลบ BitLocker ใน Windows 11 เป็นเครื่องมือที่ดีในการเข้ารหัสข้อมูล นอกจากนี้ยังสามารถใช้แอปของบุคคลที่สาม เช่น VeraCrypt วิธีนี้ไม่ป้องกันการกู้คืนข้อมูลที่ถูกลบไปแล้ว แต่จะทำให้ข้อมูลนั้นอ่านไม่ออกหากไม่มีคีย์ถอดรหัส
2.คำสั่ง Cipher เพื่อเขียนทับพื้นที่ว่าง
Windows มีเครื่องมือที่ชื่อว่า “Cipher” ซึ่งสามารถใช้เขียนทับพื้นที่ว่างทั้งหมดด้วยข้อมูลแบบสุ่ม ทำให้การกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบทำได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้อาจใช้เวลานานหากคุณมีพื้นที่ว่างมาก และไม่แนะนำให้ใช้กับ SSD เนื่องจากจะทำให้ไดรฟ์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ในการใช้ Cipher ให้เปิด Command Prompt หรือ Terminal ในฐานะผู้ดูแลระบบแล้วพิมพ์:
cipher /w:c:
คำสั่งนี้จะเขียนทับพื้นที่ว่างในไดรฟ์ C เปลี่ยนอักษรไดรฟ์ตามต้องการ คุณสามารถระบุเส้นทางของโฟลเดอร์เฉพาะเพื่อให้เขียนทับพื้นที่ว่างเฉพาะจุด ซึ่งจะเร็วกว่า ตัวอย่างเช่น “C:secretstuff” คำสั่งนี้ใช้ได้กับไดรฟ์ที่ใช้ระบบไฟล์ NTFS เท่านั้น
3.ใช้โปรแกรมทำลายไฟล์
นอกจาก Cipher คุณยังสามารถใช้แอป “ตัวทำลายไฟล์” พิเศษ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเขียนทับไฟล์ที่ถูกลบซ้ำ ๆ จนไม่สามารถกู้คืนได้ เช่น Eraser หรือ File Shredder วิธีนี้ไม่เหมาะกับ SSD แต่เครื่องมือเหล่านี้บางตัวสามารถตรวจจับการทำงานกับ SSD และใช้วิธีการที่เหมาะสมแทนได้
4.ล้างไดรฟ์ทั้งหมดอย่างปลอดภัย
สำหรับ SSD วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการกู้คืนข้อมูลคือการใช้ฟังก์ชัน “ล้างข้อมูลอย่างปลอดภัย” (Secure Erase) ซึ่งคำสั่ง TRIM ใน SSD จะทำให้โอกาสในการกู้คืนข้อมูลต่ำมาก บาง BIOS ของคอมพิวเตอร์มีฟังก์ชันนี้ หรือผู้ผลิตไดรฟ์อาจมีซอฟต์แวร์เฉพาะ เช่น ซอฟต์แวร์ Magician ของ Samsung ที่มีตัวเลือก “ลบข้อมูลอย่างปลอดภัย” ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ผลิตมีเครื่องมืออย่างเป็นทางการเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
5.ทดลองกู้คืนเพื่อตรวจสอบ
หากคุณต้องการความมั่นใจหลังจากลบข้อมูลไปแล้ว คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันกู้ข้อมูล เช่น Recuva เพื่อตรวจสอบว่ามีไฟล์ใดที่ยังคงอยู่ในสถานะที่สามารถกู้คืนได้หรือไม่ เพียงแค่ดูว่าซอฟต์แวร์พบไฟล์ที่กู้คืนได้หรือไม่โดยไม่ต้องกู้คืนจริง จะช่วยยืนยันได้ว่าข้อมูลถูกลบอย่างปลอดภัยแล้ว
6.ทำลายไดรฟ์ทางกายภาพหากจำเป็น
หากคุณต้องการทิ้งไดรฟ์หรือหากไดรฟ์เสียหายก่อนที่จะลบข้อมูลอย่างถูกต้อง การทำลายไดรฟ์ทางกายภาพเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การทำลายไดรฟ์ให้แตกละเอียดด้วยค้อนเป็นวิธีง่าย ๆ และได้ผล แต่หากคุณกังวลถึงความปลอดภัยระดับสูง สามารถใช้บริการทำลายไดรฟ์จากบริษัทที่มีเครื่องมือพิเศษ เช่น การลบด้วยแม่เหล็กแรงสูงหรือการบดทำลายโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลไม่สามารถกู้คืนได้อีกต่อไป
สรุป
การลบไฟล์สำคัญบน Windows 11 อย่างปลอดภัยต้องใช้มากกว่าการลบไฟล์ธรรมดา การเข้ารหัสไฟล์ การเขียนทับพื้นที่ว่างด้วย Cipher การใช้แอปตัวทำลายไฟล์ หรือการล้างข้อมูล SSD ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณจะไม่สามารถกู้คืนได้
ที่มา : https://www.howtogeek.com