สุดยอดเคล็ดลับ! 5 วิธีลับใช้ Google Calendar ให้โปรดั่งมืออาชีพ

Google Calendar เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการตารางเวลา แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักไม่ได้ใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีอยู่ ส่งผลให้พลาดการประชุม มีปัญหาในการจัดสรรเวลา และรู้สึกเครียดกับภาระงานที่มากเกินไป หากคุณต้องการบริหารจัดการงานและเวลาส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือ 5 เคล็ดลับที่ช่วยให้คุณใช้ Google Calendar ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

1.สร้างกิจกรรมโดยตรงจาก Gmail

หลายครั้งที่การประชุมหรือกำหนดการสำคัญเริ่มต้นจากอีเมล การแปลงอีเมลเป็นกิจกรรมในปฏิทินจึงช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาด Gmail มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณเพิ่มข้อมูลจากอีเมลไปยัง Google Calendar ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น วันที่ เวลา สถานที่ หรือรายละเอียดอื่นๆ

วิธีสร้างกิจกรรมจากอีเมล

  1. เปิดอีเมลที่มีรายละเอียดการประชุมใน Gmail คลิกไอคอนจุดสามจุด (⋮) ที่มุมขวาบน
  2. เลือก “Create Event” Google Calendar จะเปิดหน้าต่างกิจกรรมใหม่ พร้อมเติมข้อมูลให้อัตโนมัติ

A title

Image Box text

  1. ตรวจสอบและแก้ไขรายละเอียด เพิ่มผู้เข้าร่วม หรือปรับเปลี่ยนข้อมูลตามต้องการ คลิก “บันทึก” เพื่อยืนยันการสร้างกิจกรรม

วิธีนี้ช่วยให้คุณจัดการตารางงานได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงในการลืมกำหนดการ และมั่นใจได้ว่าทุกนัดหมายสำคัญจะถูกบันทึกลงในปฏิทินของคุณอย่างเป็นระเบียบ

A title

Image Box text

2.แสดงเขตเวลารองใน Google Calendar

สำหรับผู้ที่ทำงานร่วมกับทีมในหลายประเทศ การจัดตารางประชุมอาจเป็นเรื่องท้าทายเนื่องจากความแตกต่างของเวลา Google Calendar จึงมีฟีเจอร์ “เขตเวลารอง” ที่ช่วยให้คุณเห็นเวลาของสถานที่อื่นๆ ควบคู่กับเวลาท้องถิ่นของคุณ ทำให้สามารถประสานงานได้ง่ายขึ้น

วิธีเปิดใช้งานเขตเวลารอง

เริ่มแรกให้คลิกที่ไอคอนรูปเฟือง ที่มุมขวาบนของ Google Calendar เลือก “Settings” จากนั้นทำตามดังนี้

  1. ไปที่แท็บ “Time Zone” ภายใต้เมนู “General”
  2. ทำเครื่องหมายที่ช่อง “Display Secondary Time Zone”
  3. เลือกเขตเวลาที่คุณต้องการแสดงเพิ่มเติม

เมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะเห็น สองคอลัมน์เวลา บนแกนเวลาของปฏิทิน ซึ่งช่วยให้คุณตรวจสอบเวลาของแต่ละเขตได้สะดวกขึ้น ลดข้อผิดพลาดในการนัดหมายข้ามโซนเวลา และทำให้การจัดตารางประชุมราบรื่นยิ่งขึ้น

A title

Image Box text

3.ตั้งค่าการแจ้งเตือนหลายรายการใน Google Calendar

เคยได้รับการแจ้งเตือนแต่ยังลืมเข้าประชุมหรือพลาดกำหนดเส้นตายหรือไม่? เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ Google Calendar อนุญาตให้คุณตั้งค่าการแจ้งเตือนล่วงหน้าได้หลายช่วงเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ลืมกิจกรรมสำคัญ

วิธีตั้งค่าการแจ้งเตือนหลายรายการ

เริ่มแรกให้คลิก ไอคอนรูปเฟือง ที่มุมขวาบนของ Google Calendar เลือก “Settings” จากนั้นทำตามดังนี้

  1. ไปที่ settings for my calenders เลื่อนลงไปที่ “Event Notifications”
  2. คลิก “Add Notification”
  3. เลือกระยะเวลาที่ต้องการให้แจ้งเตือน เช่น 10 นาที, 1 ชั่วโมง หรือ 1 วันก่อนกิจกรรม

ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนหลายช่วงเวลาเพื่อลดโอกาสลืมและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดตารางงานของคุณให้ดียิ่งขึ้น

A title

Image Box text

4.การโอนกรรมสิทธิ์ของกิจกรรมใน Google Calendar

หากคุณเคยสร้างกิจกรรม แต่ภายหลังไม่สามารถดำเนินการต่อได้ และต้องการให้ผู้อื่นรับผิดชอบแทน Google Calendar มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณโอนกรรมสิทธิ์ของกิจกรรมให้ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องสร้างกิจกรรมใหม่

ประโยชน์ของการโอนกรรมสิทธิ์

  • เจ้าของใหม่สามารถ จัดการคำเชิญ, แก้ไขรายละเอียด และส่งอัปเดตให้ผู้เข้าร่วม ได้
  • ไม่ต้องเสียเวลาสร้างกิจกรรมใหม่และส่งคำเชิญซ้ำ
  • ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการกำหนดตารางเวลา

วิธีโอนกรรมสิทธิ์ของกิจกรรม

เริ่มแรกเปิด Google Calendar และเลือกกิจกรรมที่ต้องการโอน จากนั้นให้ทำตามดังนี้

  1. คลิก จุดแนวตั้งสามจุด () ที่มุมขวาบน
  2. เลือก “Change Owner
  3. ป้อน อีเมลของเจ้าของใหม่
  4. คลิก เปลี่ยนเจ้าของ”

หมายเหตุ:

  • เจ้าของใหม่ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรายชื่อแขก ของกิจกรรม
  • คุณสามารถโอนสิทธิ์ให้ใครก็ได้ที่มี บัญชีอีเมล ที่ใช้งาน

การใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การจัดการปฏิทินมีความ ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลกิจกรรม

A title

Image Box text

5.เชื่อมโยง Google Calendar กับแอปอื่น ๆ เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ

Google Calendar สามารถทำงานร่วมกับแอปอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น เช่น Slack, Google Keep, Zoom และ Trello ซึ่งช่วยให้คุณ ซิงค์ตารางเวลาอัตโนมัติ, อัปเดตสถานะ และจัดการการแจ้งเตือน ได้สะดวกขึ้น

ข้อดีของการเชื่อมต่อปฏิทินกับแอปอื่นๆ

  • อัปเดตสถานะอัตโนมัติ เช่น หากคุณกำลังประชุม Slack จะเปลี่ยนสถานะของคุณเป็น “กำลังประชุม” โดยอัตโนมัติ
  • ช่วยให้การจัดการงานราบรื่นเชื่อมต่อ Google Keep เพื่อเพิ่มบันทึกและเตือนความจำในปฏิทิน
  • ลดข้อผิดพลาดในการกำหนดตารางเวลา ใช้ร่วมกับ Zoom หรือ Microsoft Teams เพื่อตั้งค่าการประชุมออนไลน์อัตโนมัติ

บทสรุป

Google Calendar เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ให้เต็มที่ คุณจะสามารถลดความเครียดจากการจัดตารางที่ซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ แล้วคุณจะพบว่า Google Calendar เป็นมากกว่าแค่ปฏิทินออนไลน์!

ที่มา : https://www.howtogeek.com