Microsoft มักจะอัปเดต Windows 11 รูปแบบหน้าตาใหม่ ๆ ให้ดูทันสมัย อย่างเช่น ปรับแต่ง Taskbar และอินเทอร์เฟซดูเรียบง่ายและกระชับขึ้น ซึ่งใครหลายๆ เห็นแล้วไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ดังนั้นในบทความจะสอนวิธีตั้งค่าให้แสดงวันที่และเวลา แบบเต็มใน Taskbar กันค่ะ
วิธีเปลี่ยนกลับเป็นรูปแบบวันที่และเวลาแบบเดิม
1. เปิดการตั้งค่าจาก Taskbar
- คลิกที่ ไอคอน Start หรือกดปุ่ม Win + S เพื่อเปิดเมนูค้นหา
- พิมพ์ Settings แล้วกด Enter
A title
Image Box text
2. ไปที่การตั้งค่าของวันที่และเวลา
- ในหน้า Settings ให้เลือกเมนู Time & Language (เวลาและภาษา)
- คลิก Date & Time (วันที่และเวลา)
A title
Image Box text
3. ปิดการใช้งานรูปแบบย่อ
- เลื่อนลงไปจนเจอ “Show time and date in system tray” (แสดงเวลาและวันที่ในถาดระบบ)
- คลิกที่ตัวเลือกดังกล่าว
- คุณจะเห็นช่องทำเครื่องหมาย “Use short time and date format” (แสดงเวลาและวันที่แบบย่อ)
- หากมีการทำเครื่องหมายอยู่ ให้ยกเลิกเครื่องหมายถูก
A title
Image Box text
4. ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง
หลังจากปิดตัวเลือกดังกล่าวแล้ว ให้ตรวจสอบที่ Taskbar หากการตั้งค่าสำเร็จ Taskbar จะกลับมาแสดงวันที่และเวลาในรูปแบบเต็ม เช่น “วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2025”
A title
Image Box text
ปัญหาอื่นๆ ที่อาจพบหลังอัปเดต Windows 11
การอัปเดต Windows ไม่เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบวันที่เท่านั้น แต่บางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของโปรแกรมและฮาร์ดแวร์ เช่น:
✅ เกมหยุดทำงานหรือมีปัญหากับ FPS
- ลองอัปเดตไดรเวอร์การ์ดจอ
- ปิดฟีเจอร์ Game Mode ใน Windows
✅ การเชื่อมต่อสแกนเนอร์หรืออุปกรณ์ USB ขัดข้อง
- ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของ Windows
- อัปเดตไดรเวอร์ของอุปกรณ์
✅ Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตช้าลง
- รีสตาร์ทเราท์เตอร์หรือใช้คำสั่ง
ipconfig /flushdns
เพื่อเคลียร์แคช DNS
หากคุณพบปัญหาเหล่านี้หลังการอัปเดต Windows 11 อาจต้องตรวจสอบการตั้งค่าเพิ่มเติมหรือรอให้ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไข
บทสรุป
Windows 11 อัปเดตล่าสุดเปลี่ยน รูปแบบวันที่และเวลาเป็นแบบย่อ โดยอัตโนมัติ คุณสามารถเปลี่ยนกลับไปใช้รูปแบบเต็มได้ หากพบปัญหาอื่นๆ หลังการอัปเดต เช่น เกมค้างหรืออุปกรณ์ไม่ทำงาน ให้ตรวจสอบไดรเวอร์และการตั้งค่าต่างๆ แม้ว่า Microsoft จะไม่ได้แจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่โชคดีที่สามารถปรับกลับไปเป็นแบบเดิมได้ง่ายๆ