คอมค้าง! คอมหน่วง ทำไงดี? 10 เทคนิคกู้ชีพโน้ตบุ๊ก เมื่อระบบไม่ตอบสนอง

คอมค้าง! คอมหน่วง อาจมีหลายสาเหตุ ตั้งแต่ซอฟต์แวร์ที่ขัดข้อง ฮาร์ดแวร์เริ่มเสื่อม ไปจนถึงมัลแวร์ที่แฝงอยู่โดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะแนะนำวิธีตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น รวมถึงแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ เพื่อให้เครื่องของคุณกลับมาทำงานได้ลื่นไหลอีกครั้ง

1. ตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงของคุณ

ก่อนจะสรุปว่าคอมพิวเตอร์ของคุณค้างจริงๆ ลองตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ก่อน เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด หรือแทร็กแพด อุปกรณ์บางอย่างอาจไม่ได้เสีย แต่หลุดจากพอร์ตหรือแบตเตอรี่หมด ทำให้คุณเข้าใจผิดว่าคอมพิวเตอร์ไม่ตอบสนอง ทั้งที่จริงแล้วเป็นแค่ข้อมูลอินพุตที่ไม่ทำงานตามปกติ

ลองเสียบอุปกรณ์ใหม่ ตรวจสอบว่าเมาส์เคลื่อนไหวได้ คีย์บอร์ดกดแล้วมีปฏิกิริยา และแทร็กแพดยังตอบสนองดีอยู่ หากอุปกรณ์เหล่านี้ยังทำงานไม่ได้ อาจต้องเช็กพอร์ต USB หรือพอร์ตเชื่อมต่ออื่นๆ ว่ามีความเสียหายหรือหลวมอยู่หรือไม่

2. ปิดโปรแกรมที่ไม่ตอบสนอง

เปิด Task Manager (Ctrl + Shift + Esc บน Windows หรือ Command + Option + Escape บน Mac) เพื่อดูว่าโปรแกรมใดค้าง หากพบ ให้เลือกและกด End Task หรือ Force Quit เพื่อปิด หากโปรแกรมเดิมทำให้ค้างซ้ำๆ ควรพิจารณาลบโปรแกรมออกหรืออัปเดตเวอร์ชันใหม่

3. เบราว์เซอร์ค้าง แต่อาจไม่ใช่คอมพิวเตอร์

หากปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะในเบราว์เซอร์ เช่น Chrome หรือ Firefox ให้ลองเปิด Task Manager ของเบราว์เซอร์ (Shift + Esc ใน Chrome/Edge) เพื่อตรวจสอบว่าแท็บไหนใช้ทรัพยากรเกินควร ปิดแท็บที่กิน CPU หรือ RAM มากผิดปกติ และลองปิดส่วนขยายที่อาจมีปัญหา

4. รีสตาร์ทเครื่อง

หากทุกอย่างหยุดนิ่งจนเปิด Task Manager ไม่ได้ ให้กดปุ่มพาวเวอร์ค้างไว้จนเครื่องดับ แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง โปรแกรมบางตัวเช่น Microsoft Office มักมีระบบกู้คืนไฟล์อัตโนมัติ ลองเปิดโปรแกรมนั้นอีกครั้งหลังรีสตาร์ทเพื่อตรวจสอบว่าไฟล์ยังอยู่หรือไม่

5. รีบูตเครื่องแล้วลองใหม่

หากคุณไม่สามารถเปิด Task Manager ได้เลย แสดงว่าคอมพิวเตอร์อาจค้างจริงๆ วิธีที่ดีที่สุดในตอนนั้นคือการ ฮาร์ดรีเซ็ต โดยกดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้จนเครื่องดับ จากนั้นกดอีกครั้งเพื่อเปิดเครื่องใหม่

หากคุณกำลังทำงานสำคัญอยู่ในขณะนั้น ยังมีโอกาสที่ข้อมูลจะไม่สูญหายทั้งหมด โปรแกรมอย่าง Microsoft Word, Excel หรือ PowerPoint มักจะบันทึกข้อมูลอัตโนมัติไว้เป็นระยะ คุณสามารถกู้คืนไฟล์ได้โดยไปที่:

File > Info > Manage Document(s) > Recover Unsaved Document.

แม้จะไม่ใช่วิธีที่ได้ผลทุกครั้ง แต่ก็คุ้มค่าที่จะลอง หากคุณใช้โปรแกรมอื่นๆ ให้ลองตรวจสอบว่ามีฟีเจอร์กู้คืนอัตโนมัติคล้ายกันหรือไม่ ถ้าไม่มี คุณอาจต้องเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งคงไม่สนุกเท่าไรนัก

6. หน้าจอสีน้ำเงิน (Blue Screen)

ถ้าเครื่องค้างแล้วสุดท้ายเจอ “Blue Screen” โผล่มา (หรือที่หลายคนเรียกว่า BSOD) ไม่ต้องตกใจไปซะก่อน มันอาจจะบอกใบ้อะไรเราบางอย่างอยู่เหมือนกัน

บนหน้าจอฟ้าจะมีรหัส QR กับข้อความชื่อ “รหัสหยุด” (Stop Code) ซึ่งเอาไว้ใช้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ 

7. ติดตั้งไดรเวอร์ล่าสุดใหม่อีกครั้ง

แม้ว่า System Restore จะช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่าง แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้ทั้งหมด เช่น:

  • คอมพิวเตอร์เริ่มค้างหลังจากเปลี่ยนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เช่น การ์ดจอ
  • อาจมีไดรเวอร์เก่าที่ยังหลงเหลืออยู่ในระบบ และเกิดความขัดแย้งกับไดรเวอร์ใหม่

แนวทางแก้ไขที่แนะนำ:

  1. ใช้โปรแกรม Display Driver Uninstaller (DDU) เพื่อถอนการติดตั้งไดรเวอร์เก่าให้หมดจด (ควรใช้งานในโหมดปลอดภัย หรือ Safe Mode)
  2. ติดตั้งไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุดใหม่อีกครั้งหลังจากลบของเก่าออกแล้ว

โดยเฉพาะไดรเวอร์กราฟิกและเสียง มักจะเป็นตัวต้นเหตุของปัญหาค้างหรือระบบทำงานผิดปกติได้บ่อยที่สุด

8. สแกนหาไวรัสหรือมัลแวร์

ดาวน์โหลดเครื่องมือสแกนฟรี เช่น Malwarebytes เพื่อเช็กว่าคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์หรือไม่ เพราะไวรัสบางชนิดอาจทำให้เครื่องทำงานช้า ค้าง หรือไม่ตอบสนอง

9. ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์และ RAM

ฮาร์ดไดรฟ์หรือ RAM ที่มีปัญหาอาจทำให้เครื่องค้างได้ ลองใช้โปรแกรม CrystalDiskInfo ตรวจสอบสุขภาพของฮาร์ดไดรฟ์ และใช้ Windows Memory Diagnostic Tool หรือ Memtest86+ ทดสอบ RAM หากพบว่าทรัพยากรไม่เพียงพอ อาจพิจารณาอัปเกรดฮาร์ดแวร์

10.ระวังอย่าให้เครื่องร้อนเกินไป

ความร้อนสะสมมากเกินไปอาจทำให้คอมพิวเตอร์ค้างหรือดับได้ หากคุณเจอปัญหานี้ซ้ำ ๆ ลองตรวจสอบว่าเครื่องร้อนเกินไปหรือไม่ โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบอุณหภูมิ

สำหรับ Windows: ใช้โปรแกรม Core Temp
(ตั้งค่าให้แสดงอุณหภูมิที่แถบงานเพื่อดูได้ตลอดเวลา)

เช็กอุณหภูมิขณะใช้งาน

หากอุณหภูมิ CPU ขึ้นไปถึง 90°C / 194°F หรือมากกว่า นั่นหมายความว่าเครื่องร้อนเกินไปแน่นอน

ฟังเสียงพัดลม

หากพัดลมหมุนเสียงดังผิดปกติ แสดงว่าเครื่องอาจทำงานหนักหรือต้องระบายความร้อนมากกว่าปกติ

ดูแลรักษาความสะอาด

ใช้ลมเป่าหรือเครื่องดูดฝุ่นแรงดันเบา ๆ ช่วยทำความสะอาดฝุ่นที่สะสมในเครื่อง

ตรวจสอบพัดลม

พัดลมควรหมุนได้ปกติ หากพัดลมหยุดหมุน อาจเกิดจากตลับลูกปืนเสีย ควรเปลี่ยนพัดลมทันที

บทสรุป

อาการคอมพิวเตอร์ค้างอาจเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ หรือการใช้งานที่เกินกำลังของเครื่อง การรู้วิธีตรวจสอบปัญหาอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก หากลองทุกวิธีแล้วยังไม่หาย อาจถึงเวลาพาเครื่องไปพบช่างผู้เชี่ยวชาญหรือพิจารณาอัปเกรดคอมพิวเตอร์ใหม่

ที่มา : https://www.pcmag.com