เมื่อเว็บไซต์ของคุณ “ล่ม” โดยไม่ทันตั้งตัว DDoS คืออะไร?กันนะ

หนึ่งในภัยที่สร้างความเสียหายร้ายแรงคือ DDoS (Distributed Denial-of-Service) การโจมตีนี้สามารถ ทำให้เว็บไซต์ล่ม ชะงักการให้บริการ และลดความน่าเชื่อถือ ขององค์กรได้ แม้แต่บริษัทใหญ่ระดับโลกก็เคยตกเป็นเหยื่อ การเข้าใจว่า DDoS คืออะไร ทำงานอย่างไร

และแรงจูงใจเบื้องหลัง จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบและเจ้าของธุรกิจเตรียมมาตรการ การป้องกัน DDoS ที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงต่อความเสียหายทางธุรกิจ

DDoS คืออะไร?

คำว่า DDoS นั้นย่อมาจาก Distributed Denial-of-Service โดยการโจมตีแบบ DDoS เป็นเทคนิคการโจมตีที่ใช้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องจากทั่วโลกมาโจมตีเป้าหมายพร้อมกัน จนทำให้เซิร์ฟเวอร์หรือเว็บไซต์ไม่สามารถรับมือได้และล่มลง บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งเคยประสบปัญหานี้และสูญเสียรายได้หลายล้านบาทจากการหยุดชะงักเพียงไม่กี่ชั่วโมง

การโจมตีนี้เกิดจากแฮ็กเกอร์ต้องการสร้างความสนุกสนาน แสดงจุดยืน หรือแรงจูงใจทางการเงิน เช่น ขัดขวางคู่แข่งหรือเรียกค่าไถ่ และส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ความน่าเชื่อถือ และการเข้าถึงบริการออนไลน์

เป้าหมายการโจมตี DDoS ที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่:

  • ผู้ค้าปลีกออนไลน์
  • ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)
  • ผู้ให้บริการระบบคลาวด์
  • สถาบันการเงิน
  • ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เป็นบริการ (SaaS)
  • บริษัทเกม
  • หน่วยงานภาครัฐ

DDoS ทำงานอย่างไร?

เบื้องหลังของ DDoS คือ บอตเน็ต (Botnet) ซึ่งคือกลุ่มอุปกรณ์ที่ถูกแฮกโดยมัลแวร์ เช่น คอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด หรืออุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อุปกรณ์เหล่านี้จะถูกควบคุมให้ส่งคำขอปลอมๆ มายังระบบเป้าหมายพร้อมกันในปริมาณมหาศาล จนเครือข่ายไม่สามารถรองรับได้

ทำไมต้องป้องกันการโจมตี DDoS?

การโจมตี DDoS สามารถทำให้เว็บไซต์ล่มหรือใช้งานไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสและรายได้ การทำความเข้าใจว่า DDoS คืออะไร และภัยคุกคามที่ตามมาจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้จะรู้ว่า DDoS คืออะไร แต่หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

เครือข่ายก็อาจโอเวอร์โหลดจนไม่สามารถให้บริการได้ การตรวจจับสัญญาณล่วงหน้าและการตอบสนองอย่างทันท่วงทีจึงเป็นหัวใจสำคัญ ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ได้

7 วิธีป้องกันการโจมตี DDoS ของเว็บไซต์

การโจมตี DDoS (Distributed Denial-of-Service) คือการส่งคำขอข้อมูลจำนวนมากไปยังเว็บไซต์หรือเซิร์ฟเวอร์ เพื่อทำให้เว็บไซต์ล่มหรือใช้งานช้า การป้องกันการโจมตี DDoS เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกเว็บไซต์เพื่อให้บริการออนไลน์ยังทำงานต่อเนื่องและป้องกันความเสียหายทางธุรกิจ

1. ตรวจสอบและวิเคราะห์ทราฟฟิกเว็บไซต์

• รู้จักปริมาณและรูปแบบการใช้งานปกติของเว็บไซต์
• ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทราฟฟิกเพื่อตรวจจับความผิดปกติทันที

2. สร้างแผนตอบสนองต่อ DDoS

• วางขั้นตอนแจ้งเตือนและมาตรการตอบสนองเมื่อเว็บไซต์ถูกโจมตี
• ระบุผู้รับผิดชอบและช่องทางสื่อสารกับทีมงานและผู้ใช้งาน

3. ใช้บริการป้องกัน DDoS จากผู้ให้บริการมืออาชีพ

• ผู้ให้บริการคลาวด์และ CDN เช่น Cloudflare, AWS Shield, Akamai สามารถกรองทราฟฟิกที่เป็นอันตรายได้
• ลดความเสี่ยงจากทราฟฟิกจำนวนมากและป้องกันการล่มของเว็บไซต์

4. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้ยืดหยุ่น

• กระจายเซิร์ฟเวอร์และใช้ระบบ load balancing
• ทำให้เว็บไซต์ยังทำงานได้แม้บางเซิร์ฟเวอร์ถูกโจมตี

5. ใช้ Firewall และซอฟต์แวร์ป้องกัน

• ตั้งค่า Web Application Firewall (WAF) เพื่อกรองคำขอผิดปกติ
• ใช้ระบบตรวจจับและบล็อก IP ที่เข้าข่ายโจมตี

6. เพิ่มขนาดแบนด์วิดท์และทรัพยากร

• รองรับปริมาณทราฟฟิกสูงโดยไม่กระทบประสิทธิภาพ
• ลดความเสี่ยงที่เว็บไซต์จะล่มเมื่อมีคำขอจำนวนมาก

7. เฝ้าตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง

• ตั้งระบบแจ้งเตือนเมื่อพบทราฟฟิกผิดปกติ
• เก็บข้อมูลและวิเคราะห์แนวโน้มเพื่อปรับมาตรการป้องกันให้เหมาะสม

บทสรุป

การป้องกันการโจมตี DDoS ของเว็บไซต์ต้องใช้เทคโนโลยี การวางแผน และการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง การติดตั้ง WAF, ใช้บริการ CDN, กระจายเซิร์ฟเวอร์ และตรวจสอบทราฟฟิกช่วยให้เว็บไซต์สามารถให้บริการได้ต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงต่อการล่ม และป้องกันความเสียหายทางธุรกิจ

ที่มา : https://securityscorecard.com