โลกออนไลน์เต็มไปด้วยโอกาสที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่สำหรับผู้หลอกลวงที่แฝงตัวอยู่เสมอ พวกเขาใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่เพื่อทำให้การหลอกลวงดูน่าเชื่อถือที่สุดและสร้างความรู้สึกเร่งด่วนแก่เหยื่อ โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลหรือทรัพย์สินของผู้คน ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 7 กลลวงออนไลน์ที่พบบ่อยที่สุด พร้อมกับวิธีป้องกันตัวเองจากกลลวงเหล่านั้น
1. การหลอกลวงทางฟิชชิ่ง (Phishing)
ฟิชชิ่ง เป็นกลลวงที่มุ่งหวังขโมยข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ บัญชีธนาคาร หรือหมายเลขบัตรเครดิต ผู้หลอกลวงจะใช้การส่งอีเมลหรือข้อความปลอมแปลงที่ดูคล้ายคลึงกับองค์กรหรือบริษัทที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคาร หรือผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ ข้อความเหล่านี้มักจะดูเร่งด่วน เช่น บอกให้คุณยืนยันบัญชีหรือรีเซ็ตรหัสผ่าน
วิธีป้องกัน
อย่าคลิกลิงก์ที่ส่งมาในอีเมลหรือข้อความที่น่าสงสัย ตรวจสอบที่อยู่อีเมลผู้ส่ง หากชื่อโดเมนมีการสะกดผิดหรือไม่คุ้นเคยให้ระมัดระวัง นอกจากนี้ ควรใช้การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น
2. เว็บไซต์ช้อปปิ้งหลอกลวง
เว็บไซต์ช้อปปิ้งปลอมมักเลียนแบบเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ โดยจะนำเสนอสินค้าที่ราคาต่ำอย่างผิดปกติ หรือแอบอ้างเป็นเว็บไซต์ที่คุ้นเคยเช่น Amazon, eBay และอื่น ๆ ผู้หลอกลวงอาจใช้เว็บไซต์เหล่านี้เพื่อล้วงข้อมูลการชำระเงินของเหยื่อ หรือแม้แต่ติดตั้งมัลแวร์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ
วิธีป้องกัน
ตรวจสอบโดเมนของเว็บไซต์อย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่มีรีวิวไม่ดีหรือไม่มีรีวิว ควรใช้บริการชำระเงินที่ปลอดภัย เช่น PayPal เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
3. กลลวงไวรัสและการสนับสนุนด้านเทคนิค
ป๊อปอัปที่ปรากฏขึ้นพร้อมข้อความบอกว่า “คอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัส” และเสนอให้คุณติดต่อฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิคของ Windows นั้นเป็นกลลวงทั่วไป ผู้หลอกลวงเหล่านี้จะพยายามขอเงินจากเหยื่อเพื่อแก้ปัญหาไวรัสปลอมที่ไม่มีอยู่จริง
วิธีป้องกัน
หากได้รับป๊อปอัปหรือการโทรที่อ้างว่าคุณมีปัญหาด้านเทคนิค อย่าเชื่อทันที ควรตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลที่ได้รับโดยการค้นหาข้อมูลใน Google เพื่อดูว่ามีรายงานเป็นกลลวงหรือไม่
4. กลลวงโรแมนติกและการหลอกลวงด้วยความรัก (Romance Scams)
ผู้หลอกลวงใช้โซเชียลมีเดียและแอปหาคู่เพื่อสร้างความสัมพันธ์ปลอม โดยจะค่อย ๆ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจากเหยื่อ และในที่สุดจะขอเงินหรือของมีค่า ผู้หลอกลวงมักอ้างว่าทำงานอยู่ต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถพบหน้าได้
วิธีป้องกัน
อย่าส่งเงินหรือของมีค่าให้กับคนที่คุณยังไม่เคยพบหน้า หากมีข้อสงสัย ให้ใช้ฟังก์ชันค้นหารูปภาพย้อนกลับใน Google เพื่อดูว่าภาพของบุคคลนั้นถูกนำไปใช้ในที่อื่นหรือไม่
5. การหลอกลวงด้านงาน (Job Scams)
กลลวงหางานมักเกิดขึ้นในเว็บไซต์หรือกลุ่มออนไลน์ที่ดูน่าเชื่อถือ ผู้หลอกลวงอาจอ้างว่าเสนอให้คุณทำงานในตำแหน่งที่ดูน่าสนใจ แต่หลังจากสัมภาษณ์หรือสนทนากับคุณแล้ว พวกเขาจะขอให้คุณจ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ หรือขอข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญเช่น หมายเลขประกันสังคม หรือใบขับขี่
วิธีป้องกัน
อย่าจ่ายเงินให้กับใครเพื่อเริ่มงาน การสมัครงานที่น่าเชื่อถือไม่ควรมีค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้น ตรวจสอบประวัติของบริษัทและอ่านรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือก่อนเสมอ
6. การหลอกลวงลอตเตอรี่และรางวัล (Lottery Scams)
กลลวงลอตเตอรี่หรือการแจ้งว่าคุณถูกรางวัลมักใช้ข้อความหรือโทรศัพท์เพื่อหลอกให้คุณเชื่อว่าคุณชนะเงินรางวัลหรือสิ่งของที่มีมูลค่า แต่คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือให้ข้อมูลบัญชีเพื่อรับรางวัล
วิธีป้องกัน
หากคุณไม่ได้เข้าร่วมลอตเตอรี่หรือการประกวดใด ๆ อย่าตอบสนองต่อข้อความหรือโทรศัพท์ที่บอกว่าคุณชนะรางวัล การถูกรางวัลที่แท้จริงจะไม่มีการขอเงินล่วงหน้า
7. การหลอกลวงเพื่อการกุศล (Charity Scams)
กลลวงเพื่อการกุศลมักเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตหรือเหตุการณ์ภัยพิบัติ ผู้หลอกลวงจะตั้งเว็บไซต์หรือบัญชีโซเชียลมีเดียเพื่อขอรับบริจาค โดยแอบอ้างว่าเป็นองค์กรการกุศลปลอม
วิธีป้องกัน
ตรวจสอบองค์กรการกุศลผ่านหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น ฐานข้อมูลองค์กรการกุศลของรัฐบาล เพื่อยืนยันว่าองค์กรนั้นมีอยู่จริงก่อนทำการบริจาค
บทสรุป
การหลอกลวงทางออนไลน์มีหลายรูปแบบ และผู้หลอกลวงมักใช้วิธีที่ซับซ้อนและน่าเชื่อถือเพื่อหลอกเหยื่อ การป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือการมีสติ ระแวดระวัง และหาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะตอบสนองต่อการติดต่อที่น่าสงสัย ความรู้และการศึกษาถือเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการป้องกันกลลวงออนไลน์
ที่มา : https://www.howtogeek.com/