ระวังภัยไซเบอร์! 12 วิธีสังเกตการแจ้งเตือนไวรัสปลอมดูอย่างไร

การแจ้งเตือนเกี่ยวกับไวรัสหรือความปลอดภัย ที่ปรากฏบนหน้าจอ อาจทำให้เราตกใจและรีบตัดสินใจแก้ไขปัญหาทันที แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นการแจ้งเตือนแบบหลอก ๆ ดังนั้นในบทความนี้จะแนะนำ 12 วิธีระบุการแจ้งเตือนปลอมเหล่านี้ ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวและลดความเสี่ยงต่อระบบของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. การใช้ข้อความเร่งด่วนและกลยุทธ์สร้างความหวาดกลัว

การแจ้งเตือนปลอมมักใช้ข้อความที่สร้างความกังวล เช่น “คอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัสขั้นร้ายแรง” หรือ “ดำเนินการใน 5 นาที มิฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดของคุณจะสูญหาย” เพื่อกดดันให้ผู้ใช้งานตอบสนองโดยไม่ทันคิด ในขณะที่การแจ้งเตือนจริงจะระบุปัญหาอย่างละเอียดและไม่เร่งรัด

วิธีแก้ไข

หากการแจ้งเตือนมีข้อความที่เร่งด่วนจนผิดปกติ ให้สแกนระบบด้วยซอฟต์แวร์ความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ เช่น Windows Defender หรือโปรแกรมแอนติไวรัสที่คุณติดตั้งอยู่

2. ป๊อปอัปที่ปิดไม่ได้

การแจ้งเตือนปลอมบางครั้งทำให้ปิดหน้าต่างไม่ได้ตามปกติ เช่น ปุ่ม “X” อาจหายไป หรือการคลิกปิดนำคุณไปยังเว็บไซต์อื่นแทน การแจ้งเตือนจริงจะสามารถปิดได้เหมือนการแจ้งเตือนทั่วไป

วิธีแก้ไข

หากไม่สามารถปิดหน้าต่างได้ ให้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ปิดเบราว์เซอร์ หรือรีสตาร์ทเครื่อง แล้วอย่าเรียกคืนแท็บเดิม

3. ป๊อปอัปแสดงในเบราว์เซอร์

การแจ้งเตือนปลอมมักปรากฏเป็นป๊อปอัปในเบราว์เซอร์เมื่อคุณเยี่ยมชมเว็บไซต์บางแห่ง ในขณะที่การแจ้งเตือนจริงจะมาจากโปรแกรมที่ติดตั้งในเครื่อง

วิธีแก้ไข

หากมีป๊อปอัปแสดงขึ้นมา อย่าคลิกลิงก์หรือปุ่มใด ๆ แต่ปิดแท็บและบล็อกป๊อปอัปในเบราว์เซอร์ของคุณ

4. สแกนระบบปลอม

ไวรัสปลอมมักแสดงภาพจำลอง “การสแกน” และรายงานจำนวนภัยคุกคามที่มากเกินจริง แม้ว่าจะไม่มีซอฟต์แวร์แอนติไวรัสในเครื่อง

วิธีแก้ไข

ใช้ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งในเครื่องตรวจสอบอีกครั้ง และหลีกเลี่ยงการคลิกรับคำแนะนำจากการสแกนที่ไม่รู้แหล่งที่มา

5. ไม่มีไอคอนซอฟต์แวร์แสดงใน Task bar

ซอฟต์แวร์ความปลอดภัยที่ถูกต้องตามกฎหมายจะมีไอคอนในแถบงานหรือถาดระบบเมื่อมีการแจ้งเตือน

วิธีแก้ไข

 หากการแจ้งเตือนไม่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ที่คุณติดตั้งไว้ ให้สงสัยว่าการแจ้งเตือนนั้นอาจเป็นของปลอม

6. มีข้อมูลการติดต่อในแจ้งเตือน

การแจ้งเตือนปลอมมักระบุหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมลเพื่อให้ผู้ใช้ติดต่อ ซึ่งต่างจากการแจ้งเตือนจริงที่ไม่มีข้อมูลเหล่านี้

วิธีแก้ไข

อย่าโทรหาหรือคลิกลิงก์ข้อมูลเหล่านี้ หากสงสัยให้ตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซต์ทางการของซอฟต์แวร์

7. การแจ้งเตือนที่ถี่เกินไป

การแจ้งเตือนปลอมมักปรากฏอย่างต่อเนื่องจนรบกวนการใช้งานปกติ ในขณะที่การแจ้งเตือนจริงจะแสดงเฉพาะเมื่อพบปัญหาจริง

วิธีแก้ไข

ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตชั่วคราว หากการแจ้งเตือนหยุด แสดงว่าอาจเป็นการแจ้งเตือนปลอม

8. ขอให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่คุ้นเคย

การแจ้งเตือนปลอมอาจกระตุ้นให้คุณดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ไม่รู้จักพร้อมคำสัญญาเกินจริง

วิธีแก้ไข

ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เฉพาะจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของบริษัทผู้พัฒนาโดยตรง

9. การออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับแบรนด์

การแจ้งเตือนปลอมมักมีโลโก้หรือข้อความที่ดูไม่เป็นทางการ รวมถึงข้อผิดพลาดด้านภาษา

วิธีแก้ไข

เปรียบเทียบรูปแบบการแจ้งเตือนกับตัวอย่างจากแบรนด์จริง หากมีข้อแตกต่าง ให้สงสัยว่าเป็นของปลอม

10. การเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์แปลกปลอม

การคลิกที่การแจ้งเตือนปลอมมักพาคุณไปยังเว็บไซต์ที่น่าสงสัย

วิธีแก้ไข

ปิดเบราว์เซอร์ทันทีหากเกิดการเปลี่ยนเส้นทาง

11. ข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง

ไวรัสปลอมมักมาพร้อมกับข้อเสนอที่ไม่น่าเชื่อ เช่น ใบอนุญาตแอนติไวรัสตลอดชีพในราคาถูก

วิธีแก้ไข

ตรวจสอบข้อเสนอกับบริษัทซอฟต์แวร์โดยตรงผ่านช่องทางที่เชื่อถือได้

12. ขอข้อมูลส่วนตัวหรือการชำระเงิน

การแจ้งเตือนปลอมอาจขอข้อมูลบัตรเครดิตหรือให้ชำระเงินเพื่อแก้ปัญหา

วิธีแก้ไข

ซอฟต์แวร์แอนติไวรัสที่เชื่อถือได้มักอนุญาตให้ลบภัยคุกคามเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สรุป

ระบุการแจ้งเตือนปลอมได้ด้วยการสังเกตความผิดปกติ เช่น ความเร่งด่วนเกินจริงหรือการเรียกร้องข้อมูลส่วนตัว หากเผลอคลิก ควรตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สแกนอุปกรณ์ด้วยซอฟต์แวร์ความปลอดภัย และติดตั้งเบราว์เซอร์ใหม่หากจำเป็น

ที่มา : https://www.howtogeek.com