การโจมตีแบบใหม่ที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลงในระหว่างการดูวิดีโอ อาจเกี่ยวข้องกับหลายเทคนิคที่ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ในการทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์มีประสิทธิภาพลดลง เป้าหมายหลักของการโจมตีนี้คือการทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถสตรีมวิดีโอหรือใช้บริการออนไลน์อื่น ๆ ได้อย่างลื่นไหล
- การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM): เป็นการดักจับและแทรกแซงการรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานและเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้โจมตีสามารถชะลอความเร็วในการเชื่อมต่อ ทำให้การสตรีมวิดีโอต้องเจอปัญหาการบัฟเฟอร์บ่อยขึ้น ซึ่งเป็นการทำให้ประสบการณ์การรับชมแย่ลง
- การโจมตีแบบจำกัดแบนด์วิดท์: ผู้โจมตีสามารถเจาะเข้าไปในระบบเครือข่ายและจำกัดแบนด์วิดท์ที่ใช้ในการส่งข้อมูลได้ ซึ่งส่งผลให้ความเร็วในการดาวน์โหลดหรือสตรีมวิดีโอลดลงจนทำให้การรับชมไม่ราบรื่น
- การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS): การโจมตี DDoS เป็นการส่งคำขอเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์เป็นจำนวนมาก ทำให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักและลดประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อคำขอจากผู้ใช้จริง ส่งผลให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลงและทำให้การสตรีมวิดีโอติดขัด
ผลกระทบของการโจมตีนี้
เมื่อผู้โจมตีสามารถแทรกแซงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณได้สำเร็จ ผลที่ตามมาคือการชะลอความเร็วอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเมื่อคุณใช้บริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix, YouTube หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถรับชมวิดีโอได้อย่างราบรื่น การบัฟเฟอร์บ่อยครั้ง การลดคุณภาพของวิดีโอ และการหยุดการเล่นวิดีโอเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเมื่อแบนด์วิดท์ถูกจำกัด
อีกทั้งยังสามารถส่งผลกระทบต่อบริการออนไลน์อื่น ๆ เช่น การเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการความเร็วอินเทอร์เน็ตสูงหรือแม้กระทั่งการประชุมผ่านวิดีโอคอล ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากความหน่วง (latency) ที่เพิ่มขึ้น
วิธีป้องกันการโจมตี
การป้องกันการโจมตีที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้หากคุณใช้มาตรการที่ถูกต้อง ต่อไปนี้คือวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตีเหล่านี้:
- การใช้ VPN (Virtual Private Network): VPN เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณจากการแทรกแซง VPN จะเข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่าย ทำให้ผู้โจมตีไม่สามารถดักจับข้อมูลหรือชะลอความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี้ VPN ยังสามารถซ่อนตำแหน่งจริงของคุณ ทำให้การเข้าถึงเครือข่ายปลอดภัยมากขึ้น
- การใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย: การใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและได้รับการอัปเดตเป็นประจำจะช่วยป้องกันการโจมตีแบบ MITM และการโจมตีรูปแบบอื่นๆ ได้ โปรแกรมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจจับการเชื่อมต่อที่ไม่ปลอดภัยและป้องกันไม่ให้ผู้โจมตีเข้าถึงเครือข่ายของคุณได้
- หลีกเลี่ยงการใช้เครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีการเข้ารหัส: การใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่มีการเข้ารหัสจะเพิ่มความเสี่ยงในการถูกโจมตีแบบ MITM หรือการดักจับข้อมูล การใช้เครือข่ายที่เชื่อถือได้และมีการเข้ารหัสจะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีนี้ได้
- การตรวจสอบการเชื่อมต่อของเราเตอร์: การตั้งค่าความปลอดภัยของเราเตอร์เป็นสิ่งสำคัญ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเตอร์ของคุณมีการใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสที่เหมาะสม เช่น WPA3 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสล่าสุดที่ช่วยป้องกันการแทรกแซงจากบุคคลภายนอกได้ดียิ่งขึ้น
- การอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์: การอัปเดตเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์เป็นประจำจะช่วยให้คุณได้รับการป้องกันจากช่องโหว่ที่อาจถูกใช้ในการโจมตี เช่น การแฮ็กและการแทรกแซงการเชื่อมต่อ
สรุป
การโจมตีที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลงระหว่างการดูวิดีโอเป็นภัยคุกคามที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องเผชิญในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารและความบันเทิงผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ด้วยการใช้เทคนิคเช่นการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle หรือการจำกัดแบนด์วิดท์
ผู้โจมตีสามารถทำให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้แย่ลงได้ แต่ด้วยการใช้มาตรการป้องกัน เช่น การใช้ VPN การอัปเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย คุณจะสามารถป้องกันตัวเองจากการโจมตีเหล่านี้ได้และเพลิดเพลินไปกับการรับชมวิดีโอออนไลน์ได้อย่างลื่นไหล
ที่มา : https://www.forbes.com/