ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต การป้องกันตัวเองจากมัลแวร์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มัลแวร์สามารถเข้ามาทำลายข้อมูลส่วนตัว ขโมยข้อมูลสำคัญ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ของคุณได้ หากคุณไม่อยากตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์ ลองมาดูพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงกัน
1. คลิกลิงก์แปลก ๆ โดยไม่คิด
ลิงก์ที่แสดงบนอีเมล โฆษณา ป๊อปอัป หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นประตูสู่การติดมัลแวร์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคุณคลิกลิงก์เหล่านี้ มัลแวร์จะถูกดาวน์โหลดเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว อีเมลฟิชชิ่ง (Phishing) เป็นหนึ่งในวิธีการโจมตีที่แฝงมากับลิงก์ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่กลับเป็นกับดักเพื่อให้ผู้ใช้คลิก เมื่อคลิกแล้ว มัลแวร์จะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทันที
ดังนั้น หากคุณได้รับลิงก์จากอีเมลที่น่าสงสัย หรือป๊อปอัปที่ดูแปลกๆ อย่าคลิกโดยไม่คิด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลิงก์เหล่านั้นเป็นของจริงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหากไม่แน่ใจ ควรหลีกเลี่ยงการคลิกเพื่อลดความเสี่ยง
2. ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
ซอฟต์แวร์ฟรีที่คุณพบเห็นบนอินเทอร์เน็ต อาจดูน่าสนใจและเป็นวิธีที่สะดวกในการติดตั้งโปรแกรมต่างๆ แต่ในหลายกรณี ซอฟต์แวร์เหล่านี้มักจะถูกแฝงไปด้วยมัลแวร์ ไม่ว่าจะเป็น แอดแวร์ (Adware), สปายแวร์ (Spyware) หรือมัลแวร์ชนิดอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อดักจับข้อมูลส่วนตัวของคุณ หรือแสดงโฆษณาที่น่ารำคาญตลอดเวลา
เพื่อหลีกเลี่ยงการติดมัลแวร์ คุณควรดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ทางการของผู้พัฒนา หรือสโตร์ที่ผ่านการรับรองอย่าง Google Play Store หรือ Apple App Store การดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการหรือไฟล์แชร์ริ่งบนอินเทอร์เน็ต เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการรับมัลแวร์โดยไม่จำเป็น
3. ใช้ระบบปฏิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้อัปเดต
มัลแวร์มักโจมตีผ่านช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย หากคุณยังคงใช้เวอร์ชันที่ไม่ได้อัปเดตมาหลายปี คุณกำลังเปิดโอกาสให้มัลแวร์เข้ามาในระบบได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือระบบปฏิบัติการ Windows XP ซึ่งหยุดการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก Microsoft ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถอัปเดตระบบป้องกันความปลอดภัยได้อีกต่อไป
ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและโปรแกรมต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพราะการอัปเดตเหล่านี้มักจะมีการแก้ไขช่องโหว่ที่มัลแวร์อาจใช้เป็นทางเข้า การปล่อยให้ระบบล้าสมัยคือการเพิ่มความเสี่ยงในการติดมัลแวร์
4. ปิดการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัส
โปรแกรมป้องกันไวรัส เป็นด่านแรกที่ช่วยป้องกันมัลแวร์ไม่ให้เข้ามาทำลายระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ การปิดใช้งานหรือไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส อาจทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณเสี่ยงต่อการติดมัลแวร์ได้ง่ายขึ้น โปรแกรมเหล่านี้ช่วยตรวจจับและบล็อกซอฟต์แวร์อันตรายที่อาจเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะผ่านการดาวน์โหลดไฟล์ หรือลิงก์จากเว็บไซต์
ดังนั้น อย่าปิดการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัส และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโปรแกรมเหล่านี้ถูกอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อให้สามารถป้องกันภัยคุกคามที่ใหม่และอันตรายที่สุดได้เสมอ
5. ใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
แฟลชไดรฟ์ หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกอื่นๆ ที่ได้รับมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจถูกฝังมัลแวร์มาแล้ว ถ้าคุณเสียบอุปกรณ์เหล่านี้เข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณโดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน มัลแวร์อาจเข้าสู่ระบบของคุณได้ในทันที บางครั้งการใช้แฟลชไดรฟ์ที่ไม่มีที่มาชัดเจนในองค์กรหรือที่ทำงาน อาจทำให้เครือข่ายขององค์กรถูกโจมตีและสร้างความเสียหายอย่างมาก
ควรระวังในการใช้แฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์ภายนอกจากแหล่งที่ไม่รู้จัก ควรทำการสแกนหาไวรัสก่อนเสียบเข้าใช้งานในคอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์แฝงอยู่
6. ใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่น่าเชื่อถือ
การเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มัลแวร์สามารถเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้ ผู้โจมตีสามารถดักจับข้อมูลที่คุณส่งผ่านเครือข่ายนี้ได้ง่าย เช่น ข้อมูลการล็อกอิน หรือข้อมูลทางการเงิน นอกจากนี้ หาก Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อไม่มีการเข้ารหัสหรือการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ มัลแวร์ก็อาจถูกส่งตรงมาถึงเครื่องของคุณโดยไม่รู้ตัว
ควรหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่มีการเข้ารหัส หรือไม่ใช่เครือข่ายที่น่าเชื่อถือ หากจำเป็นต้องใช้ ควรพิจารณาใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อเพิ่มการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกส่งออกไป
7. ไม่สำรองข้อมูล
แม้ว่าคุณจะปฏิบัติตามทุกคำแนะนำข้างต้นแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่มัลแวร์จะแฝงตัวเข้ามาได้ การสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณไม่มีการสำรองข้อมูล เมื่อมัลแวร์โจมตีระบบ ข้อมูลสำคัญของคุณอาจสูญหายไปโดยไม่สามารถกู้คืนได้ แรนซัมแวร์ (Ransomware) ซึ่งเข้ารหัสไฟล์ของคุณและเรียกค่าไถ่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำไมการสำรองข้อมูลถึงมีความสำคัญ
บทสรุป
มัลแวร์เป็นภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อทั้งข้อมูลส่วนตัวและความเป็นส่วนตัวของคุณ แต่พฤติกรรมที่ปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์สามารถลดความเสี่ยงในการติดมัลแวร์ได้ การคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ ใช้ระบบที่ไม่ได้อัปเดต หรือปิดโปรแกรมป้องกันไวรัส เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำหากคุณไม่อยากให้มัลแวร์เข้ามาทำลายคอมพิวเตอร์ของคุณ
ที่่มา : https://www.pcmag.com